กรดโฟลิก
- กรดโฟลิก (โฟเลต, โฟลาซิน) หรือ วิตามินบี 9 หรือที่รู้จักกันในชื่อ วิตามินเอ็ม หรือ วิตามินบีซี (Bc) จัดอยู่ในกลุ่มของ วิตามินบีรวม มีหน่วยวัดเป็นไมโครกรัม (มคก. หรือ mcg.) มีส่วนช่วยในกระบวนการเผาผลาญโปรตีน มีความสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยในการสร้างกรดนิวคลีอิก และมีความจำเป็นต่อการแบ่งตัวของเซลล์ นอกจากนี้ร่างกายต้องใช้ในกระบวนการใช้น้ำตาลและกรดอะมิโน โดยกรดโฟลิกนั้นถูกทำลายได้ง่ายด้วยอุณหภูมิห้องเป็นเวลานานเกินไป
- แหล่งที่พบกรดโฟลิกตามธรรมชาติ ได้แก่ ไข่แดง ตับ ผักใบเขียวเข้ม แคร์รอต แคนตาลูป ฟักทอง เอพริคอต อะโวคาโด อาร์ทิโชก ถั่ว แป้งไรย์แบบสีเข้มที่ไม่ผ่านการขัดสี ทอร์ทูลายีสต์ เป็นต้น
- ผลเสียของการรับประทานเกินขนาด ในปัจจุบันยังไม่พบว่ามีอาการที่เป็นพิษต่อร่างกายหากรับประทานในปริมาณมากติดต่อกัน แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการผื่นแพ้ได้บ้าง และหากร่างกายมีกรดโฟลิกมากเกินไป อาจทำให้เป็นโรคโลหิตจางจากการขาดวิตามินบี 12 ไม่แสดงออกมา โดยศัตรูของกรดโฟลิก ได้แก่ น้ำ กระบวนการแปรรูปอาหาร (โดยเฉพาะการต้ม) แสงแดด ความร้อน ยาในกลุ่มซัลฟา ฮอร์โมนเอสโตรเจน และโรคที่เกิดจากการขาดกรดโฟลิก ได้แก่ โรคโลหิตจางแบบแมโครไซติกหรือเม็ดเลือดแดงมีขนาดใหญ่ผิดปกติ
คำแนะนำในการรับประทานกรดโฟลิก
- ขนาดที่แนะนำให้รับประทานคือประมาณ 180 – 200 ไมโครกรัมต่อวัน และสำหรับหญิงตั้งครรภ์ควรเพิ่มขนาดเป็น 2 เท่า ส่วนหญิงให้นมบุตรควรรับประทาน 280 ไมโครกรัมในช่วง 6 เดือนแรก และ 260 ไมโครกรัมในช่วง 6 เดือนหลัง
- กรดโฟลิกในรูปแบบอาหารเสริมมีวางจำหน่ายตั้งแต่ปริมาณ 400 – 800 ไมโครกรัม ส่วน 1,000 มิลลิกรัม ต้องซื้อโดยใช้ใบสั่งของแพทย์เท่านั้น
- โดยทั่วไปกรดโฟลิกจะมีผสมอยู่ในรูปแบบของวิตามินบีรวม ประมาณ 100 ไมโครกรัมไปจนถึง 400 ไมโครกรัม
- คุณควรเลือกซื้ออาหารเสริมที่มีทั้งโฟเลตและวิตามินบี 12 อยู่ด้วยกัน
- โดยขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันคือ 400 – 5,000 ไมโครกรัมต่อวัน
- ผู้หญิงควรรับประทานกรดโฟลิกและวิตามินบี 6 ให้เพียงพอ กรดโฟลิกเพียง 400 ไมโครกรัม วิตามินบี 6 เพียง 2-10 มิลลิกรัม ก็สามารถลดความเสี่ยงของโรคหัวใจวายเฉียบพลันได้ถึงร้อยละ 42
- ผู้ที่รับประทานกรดโฟลิก 1,000 – 5,000 ไมโครกรัมทุก ๆ วัน จะช่วยแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอได้
- สำหรับผู้ที่ชอบดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำควรได้รับกรดโฟลิกเสริม
- สำหรับผู้ที่รับประทานวิตามินซีมากกว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ควรรับประทานกรดโฟลิกเสริมด้วย
- สำหรับผู้ที่รับประทานยากันชักไดแลนติน ฮอร์โมนเอสโตรเจน ซัลโฟนาไมด์ แอสไพริน ฟีโนบาร์บิทอล ควรได้รับกรดโฟลิกเสริม
- สำหรับผู้ที่ป่วยหรือร่างกายกำลังต่อสู้กับโรคใด ๆ อยู่ อาหารเสริมที่รับประทานควรจะมีกรดโฟลิกอยู่ด้วย เพราะจะช่วยเสริมแอนติบอดีในร่างกาย
- การรับประทานกรดโฟลิกในปริมาณมากอาจมีผลกระทบต่อยาต้านมะเร็งบางชนิด
- การรับประทานกรดโฟลิกในปริมาณมากอาจทำให้คนไข้โรคลมชักที่รับประทานยาฟีโนโทอินอยู่เกิดอาการชักได้
ประโยชน์ของกรดโฟลิก
- ช่วยให้เจริญอาหาร แก้อาการอ่อนเพลีย
- ช่วยป้องกันแผลร้อนในได้
- ช่วยรักษาภาวะซีดหรือโลหิตจาง
- ทำงานออกฤทธิ์คล้ายยาแก้ปวด
- ช่วยบำรุงผิวพรรณและสุขภาพ
- ช่วยป้องกันพยาธิในลำไส้และอาการแพ้จากอาหารเป็นพิษ
- ช่วยป้องกันการพิการของเด็กทารกแรกเกิด
- ช่วยในการสร้างน้ำนมของมารดาหลังคลอดบุตร
- ช่วยชะลอให้ผมขาวช้าลง หากรับประทานร่วมกับพาบาและ วิตามินบี 5
- ช่วยลดระดับของกรดอะมิโนโฮโมซิสเทอีนในเลือด
- ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้
- ช่วยแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอได้
แหล่งอ้างอิง : หนังสือวิตามินไบเบิล (ดร.เอิร์ล มินเดลล์)
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)