ไคร้น้ำ สรรพคุณและประโยชน์ของไคร้น้ำ 7 ข้อ ! (ไคร้)

ไคร้น้ำ

ไคร้น้ำ ชื่อวิทยาศาสตร์ Homonoia riparia Lour. จัดอยู่ในวงศ์ยางพารา (EUPHORBIACEAE)[1]

สมุนไพรไคร้น้ำ ยังมีชื่อเรียกตามท้องถิ่นอื่นอีก เช่น ไคร้หิน (ชุมพร), แร่ (ตรัง), ไคร้ (ภาคกลาง, ภาคเหนือ), ไคร้น้ํา (ภาคเหนือ), กะแลแร (ยะลา-มลายู), แกลแร (นราธิวาส-มลายู), เหี่ยที้ สี่ทีโค่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) เป็นต้น[1],[2],[4] โดยไคร้น้ำเป็นพืชที่มีเขตการกระจายพันธุ์กว้าง สามารถพบได้ตั้งแต่อินเดีย จีน พม่า มาเลเซีย และภูมิภาคอินโดจีนไปจนถึงนิวกินี สำหรับประเทศไทยสามารถพบต้นไคร้น้ำได้ทั่วทุกภาค[1]

ลักษณะของไคร้น้ำ

  • ต้นไคร้น้ำ จัดเป็นไม้พุ่ม มีความสูงได้ประมาณ 7 เมตร มักขึ้นตามโขดหินริมลำธาร ตามแม่น้ำ หรือบริเวณชายฝั่งทะเลที่น้ำท่วมถึง[1]

ต้นไคร้น้ำ

ไคร้น้ํา

  • ใบไคร้น้ำ หูใบเป็นรูปใบหอกหรือเป็นรูปลิ่ม มีความยาวประมาณ 0.5-0.8 เซนติเมตร ร่วงได้ง่าย ส่วนลักษณะของใบเป็นรูปใบหอกหรือรูปแถบ มีความยาวประมาณ 20 เซนติเมตร ปลายใบยาวแหลม โคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบหรือเป็นจักแบบฟันเลื่อย มีต่อมตามจัก แผ่นใบด้านล่างมีสีนวล ใบมีเส้นแขนงใบอยู่ข้างละ 13-16 เส้น ส่วนก้านใบยาวประมาณ 0.4-1.5 เซนติเมตร[1]

ใบไคร้น้ำ

  • ดอกไคร้น้ำ ออกดอกเป็นช่อ ช่อดอกยาวประมาณ 7-10 เซนติเมตร ดอกตัวผู้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5 เซนติเมตร ส่วนกลีบเลี้ยงเป็นรูปรีหรือเป็นรูปไข่ ยาวประมาณ 0.3-0.4 เซนติเมตร ก้านเกสรสูงประมาณ 0.3-0.6 เซนติเมตร ส่วนดอกตัวเมียมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.2 เซนติเมตร มีกลีบเลี้ยงเป็นรูปไข่หรือเป็นรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 0.1-0.2 เซนติเมตร รังไข่กลม มีขนละเอียด และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.1-0.2 เซนติเมตร ส่วนก้านเกสรตัวเมียสั้นมาก ยอดแยกเป็น 3 แฉก แต่ละแฉกยาวได้ประมาณ 0.3 เซนติเมตร[1]

ดอกไคร้น้ำ
หมายเหตุ : เข้าใจว่าคือดอกไคร้น้ำเพศผู้

ดอกไคร้น้ำตัวเมีย
หมายเหตุ : เข้าใจว่าคือดอกไคร้น้ำเพศเมีย

  • ผลไคร้น้ำ ผลมีลักษณะกลม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.3-0.4 เซนติเมตร มีขนสั้นและนุ่ม ในผลมีเมล็ด เมล็ดเป็นรูปไข่ มีขนาดประมาณ 0.2 เซนติเมตร และมีเยื่อหุ้มสีแดง[1],[2]

ผลไคร้น้ำ
หมายเหตุ : เข้าใจว่าคือผลไคร้น้ำ

สรรพคุณของไคร้น้ำ

  1. ยางจากลำต้นใช้กินแก้ไข้มาลาเรีย (ยางจากต้น)[2],[3]
  2. น้ำต้มจากลำต้นใช้กินเป็นยาขับเหงื่อ (ลำต้น)[2],[3]
  3. รากต้มกับน้ำใช้เป็นยาระบาย หากกินมากจะทำให้อาเจียน (ราก)[3]
  4. น้ำต้มจากรากใช้กินเป็นยาขับปัสสาวะ (ราก)[2],[3]
  5. ช่วยขับนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ด้วยการใช้รากนำมาต้มกับน้ำกิน (ราก)[3]
  6. ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้รากนำมาต้มกับน้ำกิน (ราก)[3]
  7. ใบและผลใช้ตำพอกรักษาโรคผิวหนัง ผดผื่นคันบางประเภท และให้ดื่มน้ำที่ต้มจากใบและผลด้วย (ใบ, ผล)[3]
เอกสารอ้างอิง
  1. สารานุกรมพืชในประเทศไทย สำนักงานหอพรรณไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช.  “ไคร้น้ำ“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: web3.dnp.go.th.  [11 ธ.ค. 2013].
  2. ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.  “ไคร้น้ำ“.  อ้างอิงใน: หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 4.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.qsbg.org.  [11 ธ.ค. 2013].
  3. Treeofthai.  “ไคร้น้ำ“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: treeofthai.com.  [11 ธ.ค. 2013].
  4. Flora of Thailand EUPHORBIACEAE.  “Homonoia“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.nationaalherbarium.nl/ThaiEuph/ThHspecies/ThHomonoia.htm.  [11 ธ.ค. 2013].

ภาพประกอบ : www.flickr.com (by dinesh_valke)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด