โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium Bicarbonate) สรรพคุณ วิธีใช้ ผลข้างเคียง ฯลฯ

โซเดียมไบคาร์บอเนต

โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate) หรือที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในชื่ออื่น ๆ เช่น เบกกิ้งโซดา (Baking soda), เบรดโซดา (Bread soda) หรือคุกกิ้งโซดา (Cooking soda) เป็นสิ่งที่มนุษย์นำมาใช้ประโยชน์ตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ โดยนำมาประยุกต์ใช้ในหลายธุรกิจ เช่น ใช้ในกระบวนการทำขนมหวานให้ขนมฟูและขยายตัวดูน่ารับประทาน ใช้เป็นส่วนผสมในสารทำความสะอาด ใช้ปรับความเป็นกรดด่างของบ่อน้ำ ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องดับเพลิงชนิดเคมีแห้ง ฯลฯ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ ประโยชน์ของเบกกิ้งโซดา)

ส่วนในอุตสาหกรรมยา โซเดียมไบคาร์บอเนตถูกนำมาผลิตเป็นยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate tablet) หรือยาเม็ดที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อ โซดามิ้นท์ / โซดามินท์ / โซดามินต์ (Sodamint) โดยมีไว้ใช้สำหรับรักษาภาวะความเป็นกรดเกินของร่างกายและภาวะอาหารไม่ย่อย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้ยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนตอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ตัวอย่างยาโซเดียมไบคาร์บอเนต

ยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนต (ชื่อสามัญ) มีชื่อทางการค้า เช่น โซดามินท์ เอฟอาร์เอ็กซ์ (Sodamint Frx), โซดามินท์ เอฟโอบี (SODAMINT FOB) เป็นต้น

รูปแบบยาโซเดียมไบคาร์บอเนต

  • ยาเม็ด ขนาด 300 มิลลิกรัม (ในสูตรตำรับ 5 มิลลิลิตร จะประกอบไปด้วยตัวยาสำคัญ คือ Sodium bicarbonate 300 mg. และ Peppermint oil 0.003 ml.) นอกจากนี้ยังมีขนาด 325 และ 650 มิลลิกรัม
  • ยาผสมในรูปแบบอื่น เช่น ยาผงอีโน (ENO) ซึ่งในซองขนาด 5 กรัม จะประกอบไปด้วยโซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate) 2.32 กรัม, กรดมะนาว (Citric acid) 2.18 กรัม, สารเคมีที่มีความเป็นด่างเมื่อโดนน้ำจะเกิดเป็นฟองอากาศ (Anhydrous sodium carbonate) 0.5 กรัม

โซดามินท์
IMAGE SOURCE : webseekidney.blogspot.com, ranyadee.weebly.com

ยาโซเดียมไบคาร์บอเนต
IMAGE SOURCE : www.healthline.com

สรรพคุณของยาโซเดียมไบคาร์บอเนต

  • ใช้เป็นยาลดกรด บรรเทาอาการแสบร้อนกลางอก บรรเทาอาการจุกเสียด ลดอาการระคายเคือง เนื่องจากมีกรดมากในกระเพาะอาหาร
  • ใช้ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ รักษาภาวะอาหารไม่ย่อย (Dyspepsia)
  • ใช้รักษาภาวะกรดจากกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย (Metabolic acidosis)
  • ใช้ปรับปัสสาวะให้มีสภาวะเป็นด่าง (Urinary alkalinization)
  • นอกจากนี้ยังอาจพบการใช้ยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนตในการควบคุมสภาวะความเป็นกรดในเลือดของผู้ป่วยโรคไตได้อีกด้วย
  • ยานี้อาจใช้เพื่อรักษาโรคหรืออาการอื่น ๆ ได้ หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร

กลไกการออกฤทธิ์ของยาโซเดียมไบคาร์บอเนต

ด้วยการที่ยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนตนั้นมีฤทธิ์เป็นด่าง เมื่อตัวยาถูกดูดซึมและกระจายตัวเข้าสู่กระแสเลือด ตัวยาจะค่อย ๆ เพิ่มค่าความเป็นด่างให้มีปริมาณสูงขึ้น สำหรับในกระเพาะอาหาร โซเดียมไบคาร์บอเนตนั้นสามารถออกฤทธิ์สะเทิน (ทำให้เป็นกลาง) หรือต้านฤทธิ์ของกรดในกระเพาะอาหารได้โดยตรง ด้วยกลไกดังกล่าวจึงทำให้ยานี้มีฤทธิ์ในการรักษาตามสรรพคุณที่กล่าวมา

ก่อนใช้ยาโซเดียมไบคาร์บอเนต

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมถึงยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนต สิ่งที่ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบมีดังนี้

  • ประวัติการแพ้ยาทุกชนิด โดยเฉพาะยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนต รวมทั้งอาการจากการแพ้ยาดังกล่าว เช่น รับประทานยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่น หายใจติดขัด/หายใจลำบาก เป็นต้น
  • โรคประจำตัวต่าง ๆ และยาที่แพทย์สั่งจ่ายหรือใช้เอง รวมถึงอาหารเสริม วิตามิน และยาสมุนไพรต่าง ๆ ที่กำลังใช้อยู่หรือกำลังจะใช้ เพราะยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนตอาจส่งผลให้อาการของโรคที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้น หรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่น ๆ และ/หรืออาหารเสริมอื่น ๆ ที่รับประทานอยู่ก่อนได้ (ในบางกรณีจะไม่สามารถใช้ยาที่มีปฏิกิริยาต่อกันระหว่างยาร่วมกันได้เลย แต่บางกรณีก็อาจจำเป็นต้องใช้ยา 2 ชนิดนั้นร่วมกัน ถึงแม้ว่าจะมีปฏิกิริยาต่อกันระหว่างยาเกิดขึ้นได้ก็ตาม ซึ่งในกรณีนี้แพทย์จะปรับเปลี่ยนขนาดยาหรือเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ให้มากขึ้น) เช่น
    • การรับประทานยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนตร่วมกับยารักษาโรคจิตประสาท เช่น ยาลิเทียม (Lithium) จะทำให้ฤทธิ์ในการรักษาของยาลิเทียมลดลง เนื่องจากยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนตจะไปเพิ่มการกำจัดยาลิเทียมออกจากร่างกาย
    • การรับประทานยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนตร่วมกับยารักษาโรคเบาหวานบางตัว เช่น ยาคลอร์โพรพาไมด์ (Chlorpropamide) สามารถลดฤทธิ์ในการรักษาโรคเบาหวานได้ เนื่องจากยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนตจะไปเพิ่มการกำจัดยาคลอร์โพรพาไมด์ออกจากร่างกาย
    • การรับประทานยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนตร่วมกับยารักษาการติดเชื้อเอชไอวีบางตัว เช่น ยาโดรูเทกราเวียร์ (Dolutegravir) อาจลดการดูดซึมของยาที่ใช้รักษาเอชไอวีดังกล่าวได้ หากมีความจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน ควรรับประทานยาโดรูเทกราเวียร์ก่อนยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนตประมาณ 2 ชั่วโมง หรือรับประทานหลังยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนตประมาณ 6 ชั่วโมง
    • การรับประทานยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนตร่วมกับยาบำรุงโลหิต, ยาดิจิทาลิส (Digitalis), ยาอินโดเมทาซิน (Indomethacin) ยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนตจะลดการดูดซึมของยาเหล่านี้ได้
    • การรับประทานยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนตร่วมกับยาแอมเฟตามีน (Amphetamine), ยาเอฟีดรีน (Ephedrine), ยาฟลีเคไนด์ (Flecainide), ยาควินิดีน (Quinidine), ยาควินิน (Quinine), และยาซูโดอีเฟดรีน (Pseudoephedrine) จะเพิ่มความเป็นพิษหรือผลข้างเคียงของยาเหล่านี้ให้มากขึ้น
  • มีระดับแคลเซียมและโพแทสเซียมในเลือดต่ำ
  • มีหรือเคยมีโรคหัวใจ ภาวะหัวใจล้มเหลว โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคแผลในกระเพาะอาหารหรือภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้
  • อยู่ในช่วงจำกัดอาหารที่มีรสเค็ม
  • หากเป็นสุภาพสตรี ควรแจ้งว่ามีการตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนในการตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายชนิดสามารถผ่านทางรกหรือน้ำนมและเข้าสู่ทารกจนอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อทารกได้

ข้อห้าม/ข้อควรระวังในการใช้ยาโซเดียมไบคาร์บอเนต

  • ห้ามใช้ยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนตในผู้ป่วยที่มีภาวะเกลือโซเดียมในร่างกายสูง, ผู้ป่วยที่มีภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ, ผู้ป่วยที่ร่างกายมีความเป็นด่างสูง (Metabolic alkalosis), ผู้ป่วยที่เป็นโรคปอดบวมอย่างรุนแรง
  • ห้ามใช้ยานี้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะร่างกายอาจดูดซึมโซเดียมไบคาร์บอเนต (ซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่าง) จนทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นด่าง (Alkalosis) ได้
  • ห้ามใช้ยาที่เสื่อมสภาพหรือหมดอายุแล้ว
  • ไม่ควรใช้ยานี้ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี
  • ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจวายหรือหัวใจล้มเหลว และโรคไตวาย[1],[5]
  • ควรระมัดระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง (ถ้าใช้ยาพร่ำเพรื่ออาจทำให้ความดันโลหิตสูงได้), โรคตับแข็ง, โรคลมชัก และผู้ป่วยที่มีภาวะบวมน้ำ
  • ควรระมัดระวังการใช้ยานี้ในหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร
  • การใช้ยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนตเพื่อรักษาภาวะร่างกายมีความเป็นกรดสูง จะต้องคอยควบคุมระดับของเกลือแร่ในกระแสเลือดเพื่อไม่ให้เสียสมดุลในระหว่างการรักษา

วิธีใช้ยาโซเดียมไบคาร์บอเนต

  • ใช้บรรเทาอาการจุกเสียด ลดอาการระคายเคือง เนื่องจากมีกรดมากในกระเพาะอาหาร ในผู้ใหญ่ให้รับประทานครั้งละ 900-1,800 มิลลิกรัม (3-6 เม็ด) ส่วนในเด็กอายุ 6-12 ปี ให้รับประทานครั้งละ 300-900 มิลลิกรัม (1-3 เม็ด) และให้รับประทานซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมง เมื่อมีอาการ
  • ใช้รักษาภาวะอาหารไม่ย่อย (Dyspepsia) ให้รับประทานในขนาดตั้งแต่ 1-5 กรัม ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
  • ใช้รักษาภาวะกรดจากกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย (Metabolic acidosis) ในผู้ใหญ่ให้รับประทานยาในขนาดตั้งแต่ 4.8 กรัม/วัน ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
  • ใช้ปรับปัสสาวะให้มีสภาวะเป็นด่าง (Urinary alkalinization) ในผู้ใหญ่สามารถรับประทานได้ถึงวันละ 10 กรัม โดยแบ่งรับประทานพร้อมกับดื่มน้ำตามประมาณ 1-2 แก้ว

คำแนะนำในการใช้ยาโซเดียมไบคาร์บอเนต

  • ควรรับประทานยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนตในขณะท้องว่างหรือเมื่อมีอาการ หรือรับประทานยาก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง หรือหลังอาหารประมาณ 2 ชั่วโมง (ไม่ควรรับประทานยาในขณะที่อิ่มมาก ๆ)
  • ขนาดการรับประทานยาที่ถูกต้องและปลอดภัย ควรเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์ผู้ให้การรักษาเท่านั้น
  • โดยทั่วไปยานี้ให้รับประทานวันละ 1-4 ครั้ง ขึ้นอยู่กับอาการ หรือใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุไว้บนฉลากยาหรือตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด ผู้ป่วยห้ามใช้ยาในขนาดที่น้อยกว่าหรือมากกว่าที่ระบุไว้ หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
  • ผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ควรลดขนาดยาลง
  • โซเดียมไบคาร์บอเนตเป็นยาลดกรดชนิดออกฤทธิ์เร็ว แต่มีฤทธิ์ในการรักษาสั้น และยานี้ก็สามารถดูดซึมผ่านกระเพาะอาหารเข้าสู่กระแสเลือดได้ จึงอาจทำให้เลือดและปัสสาวะเกิดสภาวะเป็นด่างมากกว่าปกติ รวมไปถึงการมีโซเดียมมากเกินในกระแสเลือด เพราะฉะนั้น การใช้ยานี้จึงเหมาะแก่การใช้เพื่อบรรเทาอาการกรดเกินหรือการระคายเคืองทางเดินอาหารที่มีอาการกำเริบมากกว่า แต่ไม่เหมาะสำหรับการใช้เป็นประจำเพื่อควบคุมภาวะความเป็นกรด
  • ไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ นอกจากแพทย์สั่ง และหากใช้แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์

การเก็บรักษายาโซเดียมไบคาร์บอเนต

  • ควรเก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดให้สนิท และเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเสมอ
  • ควรเก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้อง เก็บยาให้พ้นแสงแดดและความร้อน ไม่ให้อยู่ในที่มีอุณหภูมิร้อนมากกว่า 30 องศาเซลเซียส และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น เพราะความร้อนหรือความชื้นอาจเป็นสาเหตุทำให้ยาเสื่อมคุณภาพได้
  • ให้ทิ้งยาที่เสื่อมสภาพหรือหมดอายุแล้ว

เมื่อลืมรับประทานยาโซเดียมไบคาร์บอเนต

หากลืมรับประทานยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนต ให้รับประทานยาในทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้เคียงกับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปได้เลย โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่าหรือมากกว่าปกติ

ผลข้างเคียงของยาโซเดียมไบคาร์บอเนต

  • อาจก่อให้เกิดภาวะเลือดเป็นด่าง (Alkalosis) ทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน สับสน วิงเวียน ใจสั่น
  • อาจทำให้เกิดภาวะโซเดียมสูงในร่างกาย (Hypernatremia) ทำให้มีอาการอ่อนเพลีย กระสับกระส่าย ชัก
  • อาจทำให้เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ (Hypocalcemia) ทำให้เป็นตะคริว กล้ามเนื้อกระตุก หัวใจเต้นผิดปกติ
  • อาการข้างเคียงอื่น ๆ ที่อาจพบได้ เช่น กระหายน้ำบ่อย อารมณ์แปรปรวน หายใจหอบถี่ หัวใจเต้นผิดจังหวะ ปวดเกร็งท้อง ท้องอืดหรือมีลมในกระเพาะ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ชักเกร็ง ฯลฯ
  • ผลข้างเคียงที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที เช่น ผื่นแดง คัน ลมพิษ ใบหน้า ริมฝีปาก หรือลิ้นบวม เท้าหรือขาบวม ปวดศีรษะรุนแรง มึนงง สับสน อาเจียนออกมาคล้ายกาแฟ ถ่ายดำหรือถ่ายเป็นเลือด ปวดกล้ามเนื้อ ปวดท้องรุนแรง (Upset stomach) ไวต่อสิ่งกระตุ้นได้ง่าย (Irritability) เบื่ออาหาร อ่อนเพลียบ่อย เหนื่อยผิดปกติ หายใจช้าลง ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะมีเลือดปน
เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 1.  “โซเดียมไบคาร์บอเนต”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 276-277.
  2. Drugs.com.  “Sodium bicarbonate tablets”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.drugs.com.  [02 พ.ย. 2016].
  3. หาหมอดอทคอม.  “ยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate tablet)”.  (ภก.อภัย ราษฎรวิจิตร).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : haamor.com.  [02 พ.ย. 2016].
  4. ยากับคุณ (Ya & You), มูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา (วพย.).  “SODAMINT FRX”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.yaandyou.net.  [02 พ.ย. 2016].
  5. สำนักยา.  “ยาเม็ดแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ โซดามินท์”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : drug.fda.moph.go.th.  [02 พ.ย. 2016].
  6. หน่วยคลังข้อมูลยา, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.  “รู้รอบตอบชัดสารพัดยาลดกรด”.  (นศภ.ณภัทร สัตยุตม์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.pharmacy.mahidol.ac.th.  [01 พ.ย. 2016].

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด