เลือดล้างหน้าเด็ก…สัญญาณแรกของคุณแม่ตั้งครรภ์ !!

เลือดล้างหน้าเด็ก

เลือดล้างหน้าเด็ก (Implantation bleeding) คือ เลือดที่ออกมาทางช่องคลอด โดยเป็นเลือดซึ่งเกิดจากการที่ตัวอ่อนของมนุษย์ (ไข่ที่ได้รับการผสมกับตัวอสุจิ) ฝังตัวที่โพรงมดลูกเพื่อเจริญต่อไป แต่บางครั้งการฝังตัวนั้นอาจทำให้มีหลอดเลือดเล็ก ๆ ในโพรงมดลูกแตก (กรณีเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ตั้งครรภ์เพียงส่วนน้อยหรือประมาณ 30%) คุณแม่จึงมีเลือดออกมาทางช่องคลอดได้ โดยเลือดที่ออกมานั้นจะออกมาก่อนจะครบวันที่คาดว่าประจำเดือนจะมาประมาณ 1 สัปดาห์ (ประมาณวันที่ 21-22 ของรอบเดือนในกรณีที่คุณแม่มีรอบเดือนปกติทุก 28 วัน) ซึ่งคนโบราณเรียกอาการแบบนี้ว่า “เลือดล้างหน้าเด็ก

รู้ได้อย่างไรว่าเป็นเลือดล้างหน้าเด็ก

คุณแม่ที่มีรอบเดือนปกติและมาสม่ำเสมอทุก ๆ 28 วัน จะมีการตกไข่ในช่วงประมาณวันที่ 14 ของรอบเดือน (เมื่อนับจากการมีประจำเดือนวันแรก) ในช่วงนี้ถ้าไข่ได้รับการผสมกับตัวอสุจิ ซึ่งจะเกิดขึ้นที่ท่อนำไข่ หลังจากนั้นไข่ที่ถูกผสมแล้วจะใช้เวลาเดินทางเข้าไปฝังตัวในโพรงมดลูกประมาณ 7-8 วัน* ซึ่งบางครั้งการฝังตัวนี้อาจทำให้มีหลอดเลือดเล็ก ๆ ในโพรงมดลูกแตก จึงทำให้มีเลือดออกมาทางช่องคลอดได้ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นประมาณวันที่ 21-22 ของรอบเดือน หรือในช่วงประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนจะครบกำหนดการมีประจำเดือนรอบถัดไป (หรืออาจจะเกิดขึ้นหลังวันตกไข่ประมาณ 6-12 วัน ในช่วงวันที่ 20-26 ของรอบเดือนก็ได้ครับ) โดยเลือดที่ออกมานั้นจะมีปริมาณน้อยกว่าประจำเดือนมากและมักจะมีสีจางกว่าเลือดประจำเดือน และจะหมดไปภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือภายในเวลา 1-3 วัน (คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการเลือดออกที่เกิดจากการฝังตัวของทารก)

เลือดล้างหน้าเด็กคือ

หมายเหตุ : ไข่ที่ถูกผสมจะค่อย ๆ เคลื่อนตัวมาตามท่อรังไข่เพื่อเข้าไปอยู่ในโพรงมดลูก และจะมีการลอยตัวอยู่ในโพรงมดลูก ก่อนที่จะฝังตัวเข้าไปในเยื่อบุโพรงมดลูกเพื่อเจริญต่อไป ซึ่งระยะเวลาที่ตัวอ่อนเดินทางจากท่อนำไข่จนมาฝังตัวอยู่ในโพรงมดลูกนั้นจะใช้เวลาประมาณ 7-8 วัน

เลือดล้างหน้าเด็กกับประจำเดือนต่างกันอย่างไร

การมีเลือดออกบางครั้งคุณแม่อาจเข้าใจผิดคิด ว่าเป็นประจำเดือนก็ได้ แต่ถ้าสังเกตให้ดีก็จะแยกแยะได้อย่างชัดเจน กล่าวคือ เลือดล้างหน้าเด็กจะมีปริมาณน้อยกว่าเลือดประจำเดือนมาก ส่วนสีเลือดก็มักจะจางกว่าสีของเลือดประจำเดือน* และมักจะหมดไปภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือในเวลา 1-3 วัน โดยจะออกมาทางช่องคลอดในช่วงก่อนที่ประจำเดือนจะมาประมาณ 1 สัปดาห์ และเมื่อถึงระยะเวลาที่ประจำเดือนควรจะมา แต่ประจำเดือนก็ไม่มา

แต่การจะแยกให้ได้ชัดเจนว่าเป็นเลือดล้างหน้าเด็กหรือเป็นเลือดประจำเดือน ก็ต้องใช้วิธีการตรวจครรภ์ร่วมด้วย (ตรวจเลือด, ตรวจปัสสาวะด้วยการใช้แถบทดสอบการตั้งครรภ์) ถ้าผลตรวจพบว่าตั้งครรภ์ เลือดที่ออกมาก็คือ “เลือดล้างหน้าเด็ก” แต่ถ้าผลตรวจไม่มีการตั้งครรภ์ แสดงว่าเลือดที่ออกมานั้นคือ “เลือดประจำเดือนที่คลาดเคลื่อนตามภาวะปกติของการมีประจำเดือน

ลักษณะของเลือดล้างหน้าเด็ก

หมายเหตุ : สีของเลือดล้างหน้าเด็กโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสีชมพูจาง ๆ (Lighter shade of pink) หรืออาจจะเป็นสีน้ำตาลก็ได้ (Brown) ซึ่งจะค่อนข้างแตกต่างกับสีของเลือดประจำเดือนที่เป็นสีแดงเข้มหรือสีแดงสดใส (Bright red)

เลือดล้างหน้าเด็กจะออกมาเพียงเล็กน้อย แค่เป็นรอยเปื้อนกางเกงใน โดยจะมาเพียงนิดเดียว เดี๋ยวเดียว อย่างมากก็แค่วันสองวัน ซึ่งจะออกก่อนหรือออกใกล้เคียงกับวันที่ประจำเดือนรอบถัดไปจะมา เมื่อมาแล้วก็มักจะไม่ค่อยรู้ตัว เพราะไม่มีอาการอื่นร่วมด้วยเหมือนการมีประจำเดือน หลังจากนั้นก็จะพบว่าประจำเดือนขาดไป…นั่นก็แสดงว่าคุณกำลังจะได้เป็นแม่คนแล้วนั่นเอง 🙂

เลือดล้างหน้าเด็กมีผลต่อลูกหรือไม่

เมื่อเกิดอาการเลือดล้างหน้าเด็ก โดยทั่วไปแล้วคุณแม่ไม่ต้องทำอะไรมากหรือเป็นกังวลแต่อย่างใดครับ เพราะเลือดที่ออกมานั้นมีปริมาณน้อยมาก ๆ (ไม่เหมือนกับการแท้งบุตร) และไม่มีผลใด ๆ ต่อทารก ไม่มีผลทำให้ทารกพิการ หรือทารกเสียชีวิตจนแท้งออกมา ขอให้คุณแม่สบายใจได้ครับ

เมื่อเกิดอาการเลือดล้างหน้าเด็กควรทำอย่างไร

  • ให้คุณแม่นอนพักผ่อนไปตามปกติ หลีกเลี่ยงการเดินมาก ๆ รวมถึงการทำงานหนัก ๆ แล้วเลือดจะหยุดไปเองภายใน 1-2 วัน
  • ต่อจากนั้นให้คุณแม่สังเกตเรื่องของประจำเดือนต่อ ถ้าประจำเดือนไม่มาตามกำหนดก็ควรจะไปตรวจการตั้งครรภ์ต่อไปครับ

หากสงสัยว่าตั้งครรภ์ควรทำอย่างไร

หากสงสัยว่าเลือดที่ออกมาก่อนที่รอบเดือนจะมาเป็นการตั้งครรภ์ การตรวจเลือดเพื่อหาระดับฮอร์โมน Serum beta hCG (Human chorionic gonadotropin) จะสามารถบอกได้ว่าเป็นการตั้งครรภ์จริง ๆ หรือไม่ ส่วนการตรวจปัสสาวะด้วยการใช้แถบทดสอบการตั้งครรภ์ อาจพบเป็นแถบสีจาง ๆ หรือยังไม่สามารถตรวจว่าเป็นการตั้งครรภ์ได้ เพราะปริมาณของฮอร์โมนดังกล่าวในปัสสาวะยังมีน้อยอยู่ จึงต้องรออีกประมาณ 1 สัปดาห์แล้วทำการตรวจปัสสาวะซ้ำอีกครั้ง หรือถ้ามีอาการของการตั้งครรภ์อย่างอื่นร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ก็ควรจะตรวจหาการตั้งครรภ์ด้วยเช่นกัน

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด