10 วิธีรักษากระ ! กระบนใบหน้ารักษายังไง ??

กระ

กระ (Freckle) คือ รอยด่างดำที่เกิดขึ้นบนใบหน้า มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลและมีขนาดเล็ก ส่วนมากมักจะขึ้นบริเวณใบหน้า ลำคอ และแขน สามารถเห็นได้ชัดเจนในกลุ่มคนผิวขาว พบได้ตั้งแต่วัยเด็ก และสามารถมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีสีคล้ำขึ้นเมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เรียกได้ว่าพัฒนาความรุนแรงไปตามวัยกันเลยทีเดียว

ซึ่งกระบวนการที่ทำให้เกิดกระก็เหมือน ๆ กับการเกิดฝ้า คือ เม็ดสีเมลานิน (Melanin pigment) ทำงานผิดปกติจนทำให้บริเวณนั้น ๆ มีสีเข้มขึ้น ส่วนสาเหตุที่ทำให้เม็ดสีเมลานินทำงานผิดปกตินั้น ส่วนมากจะเกิดจากพันธุกรรมและแสงแดด ในส่วนของพันธุกรรมจะเป็นตัวที่ทำให้มีกระตั้งแต่ในวัยเด็ก ส่วนแสงแดดจะเป็นตัวกระตุ้นให้กระนั้นมีขนาดใหญ่และมีสีคล้ำขึ้น อีกทั้งยังทำให้เกิดกระใหม่ได้อีกด้วยสำหรับการรักษากระนั้นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ส่วนใหญ่แล้วจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทั้งนี้เป็นเพราะเรา

วิธีรักษากระ

  1. หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง สำหรับผู้ที่มีแนวโน้มจะเกิดกระได้ง่าย คุณต้องเริ่มจากการป้องกันและตัดปัจจัยเสี่ยงทุกอย่าง ด้วยการหลีกเลี่ยงแสงแดด แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรทาครีมกันแดดที่สามารถช่วยป้องกันรังสี UVA และ UVB และมีค่า SPF30 PA+++ ขึ้นไป (ถ้าจำเป็นต้องตากแดดเกือบทั้งวัน ก็ควรทาครีมกันแดดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ทั้งนี้ก็เพื่อให้มั่นใจว่าครีมกันแดดยังมีปริมาณเพียงพอต่อการป้องกันแสงแดด) รวมไปถึงยาคุมกำเนิดที่เราทานเข้าไปก็มีผลต่อการเกิดกระและฝ้าได้เช่นกัน ดังนั้นหากคุณต้องการคุมกำเนิดก็อาจจะหันมาเลือกใช้ยาคุมกำเนิดแบบแปะปลาสเตอร์แทน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมอีกที
  2. เลือกใช้ครีมบำรุง นอกจากการป้องกันด้วยการหลีกเลี่ยงแสงแดดแล้ว การใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยยับยั้งการเกิดเม็ดสีเมลานิน อย่างครีมพวกไวท์เทนนิ่ง หรือครีมลดกระยี่ห้อต่าง ๆ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันการเกิดกระใหม่ ๆ และไม่ทำให้กระที่มีอยู่เดิมมีขนาดใหญ่ขึ้นได้
  3. ลดกระด้วย AHA (กรดผลไม้) เพื่อผลัดเซลล์ผิว AHA สามารถช่วยกำจัดเซลล์ผิวเก่าและช่วยผลักดันให้เซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่ได้ และนอกจากจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวเก่าออกไปแล้ว เม็ดสีเมลานินก็จะถูกกำจัดออกไปด้วยเช่นกัน วิธีนี้แม้จะเป็นวิธีที่ได้ผลช้า แต่ก็นับว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยและทำให้รอยกระของคุณจางลงได้จริง ส่วนกรดวิตามินเอก็สามารถช่วยเร่งการขจัดเซลล์หนังกำพร้ามีผลทำให้เม็ดสีเมลานินถูกกำจัดออกไปได้เร็วขึ้นเช่นกัน
  4. รักษาด้วยไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) ตัวยาชนิดนี้สามารถให้ผลดีและทำให้กระของคุณจางลงได้เร็วมาก เพราะมันสามารถเข้าไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินได้นั่นเอง แต่มันก็มีผลข้างเคียงอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ที่เห็นได้ชัดคือ มันอาจทำให้กระและฝ้าคล้ำลงเมื่อเจอแสงแดดหากคุณไม่ได้ป้องกัน ที่สำคัญสารชนิดนี้อาจเข้าไปเปลี่ยนโครงสร้างเนื้อเยื่อให้อ่อนแอลง จนเสี่ยงต่อการเป็นโรคผิวหนังที่ร้ายแรงกว่า “กระ” ที่เป็นอยู่ รวมไปถึงความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ทาง อย. สั่งห้ามไม่ให้ครีมที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนวางขายได้ทั่วไป แต่แพทย์เท่านั้นที่สามารถจ่ายครีมที่มีส่วนผสมของสารไฮโดรควิโนนได้ โดยสามารถนำสารชนิดนี้มาผสมในครีมได้ไม่เกิน 2% เห็นไหมล่ะว่ามันต้องใช้อย่างระมัดระวังจริง ๆ
  1. เมโสรักษากระ (Mesotherapy) หลักการคือการใช้เข็มเล็ก ๆ ฉีดตัวยาเข้าไปในชั้นผิวตื้น ๆ เพื่อเป็นการกระจายตัวยาที่ใช้รักษากระลงสู่ชั้นเซลล์ที่มีปัญหา โดยจะฉีดลึกลงไปประมาณ 1-2 มม. ระยะห่างกันไม่เกิน 1 เซนติเมตร เฉพาะบริเวณที่มีปัญหากระและฝ้า และจะต้องทำการฉีดซ้ำทุก ๆ 1-2 อาทิตย์ ราคาทำต่อคอร์สก็ประมาณ 1 หมื่นบาทครับ (วิธีนี้ถ้าจะหวังผลการรักษาให้เป็นที่พอใจคงยากครับ ผมคิดว่าอย่างมากก็แค่ช่วยทำให้กระจางลงเท่านั้นครับ)
  2. เลเซอร์รักษากระ การรักษาแบบนี้จะเป็นการยิงคลื่นแสงลงไปถึงชั้นผิวด้านใน เพื่อให้ผิวเกิดการซ่อมแซมตัวเอง พร้อมกับผลัดเซลล์ผิวได้ไวยิ่งขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็สัมพันธ์กับเงินที่จ่าย เพราะเครื่องเลเซอร์นั้นมีหลายรุ่นหลายยี่ห้อ คุณภาพและราคาก็แตกต่างกันออกไป อย่างเช่น Q Switched Nd YAG, Carbon dioxide laser, Medlite C6, Spectra VRM, MDL, DFML Laser, SPM, Helios, DHL แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ก่อนที่คุณจะเอาหน้าไปฝากหมอทำเลเซอร์ คุณต้องตรวจสอบให้มั่นใจก่อนว่าได้เอาหน้าไปฝากไว้กับผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ เพราะกระมีหลายชนิดหลายประเภท การรักษาด้วยเครื่องมือแต่ละชนิดอาจให้ผลไม่เหมือนกัน (ภาพ : pantip.com by PORRER)
    เลเซอร์กระ
  3. รักษาด้วยเครื่อง IPL (Intense Pulsed Light) เป็นเครื่องที่ให้กำเนิดพลังงานแสงไปยังบริเวณผิวหนังที่รอยกระ ผิวหนังในส่วนที่มีเม็ดสีเมลานินปริมาณมากกว่าจะดูดซับพลังงานแสงแล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน ส่งผลทำให้เม็ดสีเมลานินถูกทำลายและลดจำนวนลง มีผลทำให้กระดูจางลง (แต่ไม่หาย) หากทำตั้งแต่ 2-3 ครั้งขึ้นไป แต่การรักษาด้วยวิธีนี้จะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงและเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทำการรักษาโดยผู้ที่ขาดความรู้และความชำนาญ
    รักษากระ
  4. กรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี (Microdermabrasion : MD) เพื่อช่วยเร่งการขจัดเซลล์ชั้นหนังกำพร้าให้หลุดเร็วขึ้น จะได้ผลสำหรับกระที่อยู่ในชั้นตื้น ๆ แต่มีข้อควรระวังคือ อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ากำหนดระดับความแรงในการทำงานของเครื่องมือสูงเกินไป
  5. รักษาด้วยเครื่องไอออนโต เครื่องมือชนิดนี้อาศัยหลักการให้กำเนิดกระแสไฟฟ้าในระดับอ่อน ๆ และมีผลช่วยผลักยาหรือวิตามินที่เราทาไว้ก่อนบนผิวให้ซึมผ่านเข้าสู่ผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ยาที่ทาไว้ก่อนหน้านั้นออกฤทธิ์ในการรักษาได้ดียิ่งขึ้น โดยยาหรือวิตามินที่นิยมนำมาใช้จะอยู่ในรูปแบบของเจล และที่นิยมนำมาใช้รักษากระและฝ้าส่วนมากจะเป็น เจลอาร์บูติน, เจลโคจิก, เจลวิตามินซี, เจลลิโคไลซ์ เป็นต้น การรักษาแบบนี้มีผลข้างเคียงน้อย แต่อาจมีอาการระคายเคืองได้บ้าง ส่วนเครื่องโฟโนก็สามารถนำมาใช้ร่วมกับเจลรักษากระได้เช่นเดียวกับเครื่องไอออนโต
  6. ทำทรีตเมนต์ นอกจากการทาและทำเลเซอร์แล้ว หากเราทำทรีตเมนต์เหล่านี้ควบคู่ไปด้วย ก็จะช่วยทำให้รอยกระของเราลดลงได้ไวยิ่งขึ้น ที่สำคัญยังช่วยทำให้ผิวแข็งแรงมากขึ้นอีกด้วย แต่สำหรับการทำทรีตเมนต์ ถ้าคุณต้องไปทำที่สถานเสริมความงามต่าง ๆ ก็คงหนีไม่พ้นการใช้ทรีตเมนต์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและทรีตเมนต์ซ่อมแซมผิว แต่ถ้าใครไม่สะดวกไปทำนอกบ้าน เราก็มีสูตรทรีตเมนต์แบบทำเองได้ที่บ้านมาฝากกัน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสูตรที่สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว แต่ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้งก็อาจลดเวลาลงหน่อย ไปดูเลย…
    • สูตรมะเขือเทศผสมน้ำมะนาว เป็นที่ทราบดีว่ามะเขือเทศนั้นเป็นแหล่งรวมของวิตามิน นอกจากกินแล้วจะช่วยทำให้ผิวสวย เมื่อเอามาพอกหน้าก็ยังช่วยทำให้หน้าใส แถมช่วยลดรอยกระได้อีกด้วย วิธีการก็คือ ให้เรานำมะเขือเทศมาบดแล้วนำมาผสมกับน้ำมะนาว ใช้โปะตรงบริเวณที่เป็นกระ (อย่าเอาไปพอกทั้งหน้าล่ะ เพราะจะแรงเกินไป) ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วแต่ว่าผิวหน้าของเราทนได้แค่ไหน พอครบแล้วก็ให้ล้างออกเป็นอันเสร็จ ด้วยสูตรนี้คุณสามารถทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ จะทำทุกวันก็ได้แล้วแต่ความสะดวกเลย
    • สูตรมะละกอสุกผสมน้ำผึ้ง วิธีการก็ง่าย ๆ เพียงแค่คุณนำมะละกอสุกมาบดให้ละเอียดให้ได้ประมาณครึ่งถ้วย (ไม่ต้องถึงขนาดนำไปปั่นจนได้เป็นเนื้อครีม) แล้วนำมาผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ จากนั้นคนให้เข้ากัน แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ครบเวลาแล้วค่อยล้างออก สูตรนี้คุณสามารถทำได้สัปดาห์ละครั้ง ถ้าทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ความสวยใสก็จะวิ่งเข้ามาหาคุณอย่างแน่นอน
      วิธีลดกระ
    • สูตรน้ำมะนาวผสมน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น สูตรนี้ให้คุณใช้น้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา และน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นอีก 1/2 ช้อนชา นำมาผสมให้เข้ากัน จากนั้นให้นำมาแต้มบริเวณที่เป็นกระก่อนเข้านอน สูตรนี้จะช่วยทำให้รอยกระของคุณจางลงได้ในประมาณ 3 เดือน ถ้าทำเป็นประจำต่อเนื่อง
    • สูตรน้ำเลมอน ให้คุณใช้น้ำคั้นเลมอนนำมาแต้มบริเวณที่เป็นกระทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก ซับหน้าให้แห้ง แล้วตามด้วยครีมบำรุงผิวที่มีมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
    • สูตรกระเทียม วิธีนี้ให้คุณนำกระเทียมมาหั่นให้มีขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่วเขียว แล้วนำมาแปะไว้เฉพาะบริเวณที่เป็นกระ ทิ้งไว้ประมาณ 6 ชั่วโมง ครบแล้วก็ให้ล้างหน้าออกตามปกติ โดยให้เว้นช่วงทำทุก ๆ 3 วัน
    • สูตรว่านหางจระเข้ ให้นำสมุนไพรว่านหางจระเข้มาตัดเอาส่วนที่เป็นวุ้นออกมาปั่นให้ละเอียด แล้วนำมาแต้มบริเวณที่เป็นกระ แต่ถ้าเป็นว่านหางจระเข้ในรูปแบบของเจล ก็ให้คุณบีบเจลออกมาประมาณเท่าเม็ดถั่วเขียวแล้วนำมานวดบริเวณที่เป็นกระวันละ 2 เวลา
    • สูตรใบกะเพราแห้ง ให้นำใบกะเพราแห้งมาปั่นให้ได้ประมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะ จากนั้นให้เติมน้ำต้มสุกลงไป 100 มิลลิกรัม แล้วคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน นำไปแช่เย็น ใช้ทาวันละ 2 ครั้ง
    • สูตรหอมแดง ให้คุณนำหอมแดงมาฝานเป็นแผ่น ๆ แล้วนำมาแปะไว้บริเวณที่เป็นกระ หากทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอกระบนใบหน้าของคุณก็จะค่อย ๆ จางลง
    • สูตรหัวไชเท้า (สมุนไพรรักษากระ ที่แนะนำให้ลอง) สูตรนี้ให้คุณใช้หัวไชเท้าสด ๆ นำมาปอกเปลือกออก หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปใส่เครื่องปั่น แล้วเติมน้ำมะนาวลงไป 1 ช้อนโต๊ะ จากนั้นปั่นให้ละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก โดยให้ทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง หรือถ้าคุณไม่สะดวกก็ให้ไปหาซื้อสบู่หัวไชเท้ามาใช้แทนก็ได้ (มีหลายยี่ห้อเลือกซื้อตามใจชอบเลยครับ) สูตรนี้ขอบอกว่าอเมซิ่งมากถ้าใช้ติดต่อกันทุกวัน ฝ้ากระจางลงจริง ๆ
      สมุนไพรรักษากระ
    • สูตรนมเปรี้ยว ให้เลือกนมเปรี้ยวรสธรรมชาติ เพราะมีปริมาณของกรดแลคติกมากกว่าชนิดปรุงแต่งรส โดยนำมาใช้แต้มบริเวณที่เป็นกระเพียงเล็กน้อยทิ้งเอาไว้ แล้วค่อยล้างหน้าออกตามปกติ
    • สูตรเบบี้ออยล์ผสมน้ำมะนาว ให้คุณนำส่วนผสมทั้งสองชนิดนี้อย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมให้เข้ากัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นกระทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
    • สูตรเด็ดพันทิป สูตรนี้เป็นของคุณสมาชิกหมายเลข 1427013 ที่ผ่านการทำเลเซอร์ IPL และเมโสมาแล้วแต่ก็ไม่เวิร์ก (หมดเงินไปเกือบแสน) เลยหันมาใช้สูตรบ้าน ๆ ด้วยการใช้ น้ำมะนาวครึ่งลูก, น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา, ดินสอพอง 2 ก้อน และหัวไชเท้า 3 แว่น (หั่นละเอียด) แล้วนำมาผสมกัน ใช้พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก จากนั้นเช็ดหน้าให้แห้งแล้วตามด้วยเซรั่มยี่ห้ออะไรก็ได้ โดยให้ทำวันเว้นวัน ผิวหน้าจะเริ่มใส กระจะเริ่มจางลง แต่ยังไงก็อย่าลืมทากันแดดก่อนออกจากบ้านด้วยล่ะ

โปรดจำไว้ว่า อย่างดีที่สุดเราก็สามารถทำได้แค่กำจัดเมลานินส่วนเกินเท่านั้น แต่เราไม่สามารถป้องกันการสร้างเมลานินใหม่ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การดูแลตัวเองครับ หลีกเลี่ยงแสงแดด หมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำ และใช้ไวเทนนิ่งที่สามารถช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีใหม่ควบคู่ไปกับการรักษา เพียงเท่านี้รอยกระของคุณก็จางลงแล้วครับ

หมายเหตุ : จากรูปตัวอย่างนั้นผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับลักษณะของกระที่เป็น เครื่องมือที่ใช้ ความชำนาญของแพทย์ จำนวนครั้งที่ทำ และการดูแลดูตัวเอง

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด