พลอง สรรพคุณและประโยชน์ของพลองกินลูก 5 ข้อ !

พลองกินลูก

พลอง ชื่อวิทยาศาสตร์ Memecylon ovatum Sm.[2] จัดอยู่ในวงศ์โคลงเคลง (MELASTOMATACEAE)[2]

สมุนไพรพลอง ชนิดนี้มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า พลองกินลูก พลองใหญ่[2] พลองใบใหญ่[1] (ประจวบคีรีขันธ์), พลอง (นครราชสีมา) เป็นต้น[1]

ลักษณะของต้นพลองกินลูก

  • ต้นพลอง มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศเขตร้อนทั่วไป จัดเป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลางไม่ผลัดใบ มีความสูงของต้นประมาณ 5-7 เมตร[1] บ้างว่าสูงได้ประมาณ 6-15 เมตร ลำต้นตั้งตรง เรือนยอดเป็นพุ่มกลมแตกกิ่งก้านต่ำ เปลือกต้นด้านนอกเป็นสีน้ำตาลแตกเป็นสะเก็ดบาง ๆ หรือเป็นร่องตื้น ๆ เปลือกบาง ส่วนเปลือกด้านในเป็นสีเหลืองอ่อน ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด เจริญเติบโตได้ดีในที่ค่อนข้างชื้น ชอบแสงแดดแบบรำไร มักพบได้ในป่าดิบแล้ง ป่าคืนสภาพ และตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วทุกภาคของประเทศไทย[1],[2],[3]

ต้นพลองกินลูก

ต้นพลอง

  • ใบพลอง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามที่บริเวณปลายกิ่ง ลักษณะของใบเป็นรูปรีหรือรูปไข่มน ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2.5-6.5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 5-12.5 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบแหลมหรือมน ส่วนขอบใบเรียบ แผ่นใบหนาคล้ายแผ่นหนัง ใบเป็นสีเขียวเข้มและเป็นมัน เรียบเกลี้ยงทั้งสองด้าน ส่วนท้องใบเป็นสีอ่อน[1],[2],[3]

ใบพลองกินลูก

  • ดอกพลอง ออกดอกเป็นช่อแบบช่อกระจุกซ้อนกรอบ โดยจะออกตามข้อต้น ตามง่ามใบ หรือตามกิ่ง ดอกย่อยมีขนาดเล็ก มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางดอกประมาณ 0.3 เซนติเมตร โดยดอกตูมจะเป็นสีชมพู เมื่อบานแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงน้ำเงิน ดอกมีกลีบดอก 4 กลีบ และจะบานเกือบพร้อมกันทั้งต้น โดยจะออกดอกในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม[1],[2],[3]

ดอกพลองกินลูก

  • ผลพลอง ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลมหรือกลมรี (คล้ายผลหว้า) มีขนาดประมาณ 0.5-0.8 เซนติเมตร ผลอ่อนเป็นสีชมพูอมม่วงเมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงแดงดำหรือเป็นสีน้ำเงินเกือบดำ มีเนื้อบาง ๆ หุ้ม โดยจะออกผลในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม[1],[2],[3]

ผลพลองกินลูก

สรรพคุณของพลอง

  • เนื้อไม้และรากใช้ฝนหรือต้มดื่มเป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้พิษ ไข้หัด (เนื้อไม้, ราก)[1]
  • เนื้อไม้และรากใช้ฝนหรือต้มดื่มเป็นยาถอนพิษผิดสำแดง ดับพิษร้อน และดับพิษภายในต่าง ๆ (เนื้อไม้, ราก)[1]
  • ใบใช้เป็นยาแก้ไฟไหม้น้ำร้อนลวก ไม่ทำให้เกิดเป็นแผลเป็น และช่วยดับพิษปวดแสบปวดร้อน (ใบ)[1]

ประโยชน์ของพลอง

  • เนื้อหุ้มเมล็ดของผลสุกมีรสหวานใช้รับประทานได้[2]
  • เนื้อไม้สามารถนำมาใช้ทำเป็นด้ามเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ได้[3]
เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง.  “พลอง”.  (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ, ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, กัญจนา ดีวิเศษ).  หน้า 114.
  2. หนังสือพืชกินได้ในป่าสะแกราช เล่ม 1.  “พลองกินลูก”.  (สมัย เสวครบุรี, ทักษิณ อาชวาคม).  หน้า 215-216.
  3. หนังสือไม้ดอกไม้ประดับ.

ภาพประกอบ : davesgarden.com

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด