ปอทะเล สรรพคุณและประโยช์ของต้นปอทะเล 15 ข้อ !

ปอทะเล

ปอทะเล ชื่อสามัญ Coast cotton tree, Yellow mallow tree[5]

ปอทะเล ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus tilliaceus L. จัดอยู่ในวงศ์ชบา (MALVACEAE)[1] และอยู่ในวงศ์ย่อย MALVOIDEAE

สมุนไพรปอทะเล มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ขมิ้นนางมัทรี ผีหยิก (เลย), บา (จันทบุรี), โพธิ์ทะเล (นนทบุรี), โพทะเล (กรุงเทพฯ), ปอฝ้าย (ภาคกลาง), ปอนา ปอนาน ปอมุก ปอฝ้าย (ภาคใต้), ปอโฮ่งบารู (มลายู-นราธิวาส) เป็นต้น[1],[2],[5]

ลักษณะของปอทะเล

  • ต้นปอทะเล จัดเป็นไม้พุ่มกึ่งไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็ก มีความสูงของต้นประมาณ 3-5 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มแผ่กว้าง แตกกิ่งต่ำ ลำต้นมักคดงอและแตกกิ่งก้านมาก เปลือกลำต้นเป็นสีเทาอมสีน้ำตาล เปลือกต้นด้านนอกเรียบเกลี้ยงหรือแตกเป็นร่องตื้น ๆ มีช่องระบายอากาศเป็นแนวตามยาวของลำต้น ส่วนเปลือกด้านในเป็นสีชมพูประขาว มีความเหนียว สามารถลอกออกจากลำต้นได้ง่าย โดยพันธุ์ไม้ชนิดนี้จะมีเขตการกระจายพันธุ์ตั้งแต่ประเทศอินเดีย จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปจนถึงทางตอนเหนือของประเทศออสเตรเลีย ส่วนในประเทศสามารถพบได้ทุกภาค โดยมักพบขึ้นตามชายฝั่งทะเล ป่าชายเลน ตามแม่น้ำลำคลองภายใต้อิทธิพลของน้ำกร่อย หรือตามป่าดิบชื้นใกล้ชายฝั่ง ป่าดิบแล้ง และป่าดิบเขา ไปจนถึงระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,400 เมตร[1],[2],[3],[4]

ต้นปอทะเล

ลำต้นปอทะเล

  • ใบปอทะเล ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ แผ่นใบมีลักษณะเป็นรูปหัวใจ โคนใบกว้าง ใบมีขนาดกว้างประมาณ 7-15 เซนติเมตรและยาวประมาณ 8-15 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลมเป็นหางยาว โคนใบเว้า ส่วนขอบใบเรียบ บ้างว่าหยักแบบถี่ ๆ เนื้อใบมีลักษณะค่อนข้างหนา ผิวใบด้านบนมีขนบาง ๆ ถึงเกลี้ยง ส่วนท้องใบเกลี้ยงหรือมีขนละเอียดรูปดาวสีขาว มีเส้นแขนงใบออกจากโคนใบประมาณ 7-9 เส้น และที่เส้นกลางใบอีก 4-6 เส้น ก้านใบเป็นสีแดงยาวประมาณ 2-7 เซนติเมตร และมีหูใบขนาดใหญ่ที่โคนก้านใบ ยาวประมาณ 3 เซนติเมตร และร่วงได้ง่าย[1],[2],[3]

ใบปอทะเล

รูปใบปอทะเล

  • ดอกปอทะเล ออกเป็นช่อกระจุกสั้นหรือเป็นช่อแขนง โดยจะออกตามซอกใบหรือตามปลายกิ่ง อาจมีหนึ่งดอกหรือหลายดอก ช่อดอกยาวประมาณ 8-12 เซนติเมตร ส่วนก้านดอกยาวประมาณ 1 เซนติเมตร มีใบประดับคล้ายหูใบ 1 คู่ จะติดอยู่ที่โคนก้านดอก มีริ้วประดับประมาณ 7-10 กลีบ เชื่อมติดกันประมาณกึ่งหนึ่งของความยาว ส่วนปลายแยกเป็นแฉก มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม ส่วนกลีบเลี้ยงดอกมี 5 กลีบ อยู่ติดทนทาน กลีบเลี้ยงเป็นสีน้ำตาล ลักษณะเป็นรูปใบหอก ปลายกลีบแหลมและมีขนทั้งสอง ส่วนกลีบดอกมี 5 กลีบ ลักษณะเป็นรูปไข่กว้างหรือไข่กลับ กลีบดอกบางเป็นสีเหลืองเรียงซ้อนเกยทับกัน บริเวณโคนกลีบด้านด้านในเป็นสีม่วงหรือสีแดงเข้ม มีเกสรเป็นแกนยื่นออกมา เมื่อดอกเริ่มบานจะเป็นสีเหลือง และเมื่อดอกบานเต็มที่จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-10 เซนติเมตร พอดอกโรยแล้วก็จะเปลี่ยนเป็นสีส้มหรือแดง และสามารถออกดอกได้เกือบตลอดทั้งปี หรือออกในช่วงประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม[1],[2],[3],[4]

รูปปอทะเล

ดอกปอทะเล

รูปดอกปอทะเล

ภาพปอทะเล

  • ผลปอทะเล ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลมหรือเป็นรูปไข่เกือบกลม มีขนาดกว้างประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร เปลือกผลแข็งและมีขนสั้นละเอียดคล้ายขนกำมะหยี่ ผลเมื่อแก่จะแตกเป็น 5 พู อ้าออกและติดอยู่กับต้น ภายในผลมีเมล็ดขนาดเล็กสีดำอยู่เป็นจำนวนมาก ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปไต เกลี้ยง สามารถออกผลได้เกือบตลอดทั้งปี[1],[2],[3],[4]

ผลปอทะเล

เมล็ดปอทะเล

สรรพคุณของปอทะล

  1. ใบสดนำมาคั้นเอาแต่น้ำใช้เป็นยาหยอดหู แก้หูอักเสบและหูเป็นฝี (ใบ)[1]
  2. ใช้ดอกนำมาต้มกับน้ำนม ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วนำมาหยอดหูเพื่อรักษาอาการเจ็บในหู (ดอก)[5],[6]
  3. รากใช้เป็นยาแก้ไข้ รักษาอาการไข้ (ราก)[3],[5]
  4. ใบอ่อนนำมาตากแห้งใช้ชงกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไอ แก้หลอดลมอักเสบ (ใบอ่อน)[6]
  5. เปลือกมีสรรพคุณทำให้อาเจียน (เปลือก)[3],[5]
  6. เมือกที่ได้จากการนำเปลือกสดมาแช่กับน้ำ ใช้ดื่มเป็นยาแก้โรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร (เปลือก)[3],[5]
  7. รากมีสรรพคุณเป็นยาระบายท้อง (ราก)[3],[5] ส่วนใบใช้เป็นยาระบายอ่อน ๆ (ใบ)[5],[6]
  8. รากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาขับปัสสาวะ (ราก)[3],[5],[6]
  9. ชาวโอรังอัสลีในรัฐเประก์ ที่ประเทศมาเลเซียจะใช้เปลือกปอทะเลทำเป็นยาผงเพื่อใช้เป็นยารักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์[7]
  10. ใบนำมาบดให้เป็นผงใช้เป็นยาใส่แผลสด แผลเรื้อรัง (ใบ)[3],[5],[6]

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของปอทะเล

  • ใบปอทะเลมีสารต้านอนุมูลอิสระและมีกิจกรรมต่อต้านเอนไซม์ไทโรซีเนส (Tyrosinase)[7]
  • Cyanidin-3-glucoside เป็นแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ชนิดหลักที่พบได้ในดอกปอทะเล[7]

ประโยชน์ของปอทะเล

  1. ใบอ่อนใช้รับประทานเป็นผักได้[7]
  2. ใบใช้เป็นอาหารสัตว์ เช่น วัว ควาย[3]
  3. ใยจากเปลือกต้นจะมีความเหนียวและคงทนกว่าปอ สามารถนำมาใช้ทำเชือก ทำกระดาษห่อของ เส้นใยสั้น เมื่อทำแล้วจะได้กระดาษที่มีคุณภาพต่ำ และยังใช้ทำหมันยาเรือได้ด้วย[1],[5],[6]
  4. เนื้อไม้ของต้นปอทะเลมีความถ่วงเพาะ 0.6 สามารถนำไปใช้ในงานไม้ได้ เช่น การทำเรือ (ชาวพื้นเมืองในฮาวายจะใช้เนื้อไม้มาทำเรือแคนู)[7]
  5. ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไป[2],[4] ในแถบเอเชียจะนิยมนำต้นปอทะเลมาทำบอนไซ[7]
เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1.  “ปอทะเล (Po Thale)”.  (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์).  หน้า 171.
  2. พันธุ์ไม้ในป่าชายเลน.  “ปอทะเล”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.nectec.or.th/schoolnet/library/webcontest2003/100team/dlss020/A2/A2.htm. [21 เม.ย. 2014].
  3. สวนพฤกษศาสตร์คลองไผ่, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.  “ปอทะเล”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/kp_bot_garden/kpb.htm. [21 เม.ย. 2014].
  4. หนังสือพรรณไม้ในป่าชายเลน.  (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี).
  5. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5.  “โพธิ์ทะเล”.  (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม).  หน้า 576-577.
  6. หนังสือพิมพ์มติชนบทเทคโนโลยีชาวบ้าน ฉบับที่ 468, วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552.  “ปอทะเล สมุนไพรป่าชายเลน”.  (ชำนาญ ทองเกียรติกุล).
  7. วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี.  “ปอทะเล”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: th.wikipedia.org/wiki/ปอทะเล.  [20 เม.ย. 2014].

ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Russell Cumming, J. B. Friday, 翁明毅, Wendy Cutler, KNT GROUP 2, Ahmad Fuad Morad, Carol Tseng, Forest and Kim Starr, CANTIQ UNIQUE, Bhaskar Rao, Jupiter Nielsen)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด